กาแฟมีกี่ชนิด

ทำความรู้จัก “กาแฟ” เครื่องดื่มยอดฮิต

วันหยุดหรือแม้กระทั้งวันทำงาน life style ของหนุ่มสาวก็จะหนีไม่พ้นร้านกาแฟสักร้านที่สามารถนั่ง check in สังสรรค์กับเพื่อนถ่ายรูปลง Social หรือนั่งคุยงานและบางคนยังใช้ร้านกาแฟเป็นที่ทำงานคิดโปรเจคต่าง ๆ ด้วย

ผู้เขียนคนหนึ่งละที่เป็นคอกาแฟ จากที่เริ่มต้นไม่เคยชอบหรือทานแล้วก็ใจสั่นมากๆ ทั้ง ๆ ที่บางครั้งเดินผ่านร้านกาแฟกลิ่นก็หอมมาเตะจมูกพอเดินเข้าไปก็สั่งเมนูอื่นที่ไม่ใช่กาแฟเพราะกลัวดื่มกาแฟแล้วใจสั่น จนมีอยู่ช่วงหนึ่งผู้เขียนต้องการลดน้ำหนักโดยใช้วิธี IF (Intermittent Fasting) ช่วงเวลาที่ Fast นั้นต้องทานน้ำเปล่าหรือหาเครื่องดื่มที่ไม่กระตุ้นอินซูลิน เลยจำเป็นต้องพึ่งเจ้ากาแฟดำนี่แหละ หลังจากนั้นจึงเริ่มศึกษาว่าเราสามารถทานกาแฟอย่างไรและกาแฟมีกี่สายพันธุ์แต่ละสายพันธุ์มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร หลังจากวันนั้นผู้เขียนก็กลายเป็นคอกาแฟไปโดยปริยาย วันนี้จึงอยากเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเคล็ดไม่ลับฉบับคอ “กาแฟ” กันค่ะ

สายพันธุ์กาแฟ

กาแฟ มีสายพันธุ์อะไรบ้าง?

ก่อนที่เราจะเลือกกาแฟให้ถูกจริตของเรานั้น เราต้องรู้ถึงสายพันธุ์กาแฟก่อนเพราะจากประสบการณ์ของผู้เขียนการรู้จักสายพันธุ์กาแฟจะทำให้เราเลือกกาแฟได้ถูกคอเราขึ้น ถ้าพูดถึงทั่วโลกสายพันธุ์กาแฟก็จะมีหลายสายพันธุ์แต่ที่คนรู้จักส่วนใหญ่จะมีอยู่ประมาณ 4 สายพันธุ์ คือ

1.กาแฟเอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa)

ไม่คุ้นหูเท่าไหร่สำหรับคอกาแฟบ้านเรา เพราะเจ้าเมล็ดสายพันธุ์นี้ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นักทั้งเรื่องรสชาติและแหล่งเพาะปลูก ส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีปแอฟริกาและนิยมกันในพื้นเฉพาะในแถบนั้น ผู้เขียนก็ไม่เคยลองเพราะสารกาแฟ (เม็ดกาแฟที่ยังไม่คั่ว) หายากและราคาสูงแต่จากที่เคยศึกษาหาข้อมูล ในข้อมูลบอกว่ารสชาติคล้ายสายพันธุ์โรบัสต้า

2.กาแฟลิเบอริก้า (Liberica)

เป็นอีกชื่อที่สายกาแฟบางท่านไม่คุ้นแต่ถ้าเป็นคอกาแฟที่ศึกษาอย่างจริงจังอาจจะพอผ่านหูผ่านตาหรือได้ลองลิ้มรสชาติกันมาบ้าง แต่เท่าที่ผู้เขียนเคยเห็นกาแฟชนิดนี้มักจะเอามา Blend กับกาแฟชนิดอื่นๆเพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติซึ่งในตลาดบ้านเราก็เห็นน้อยและไม่นิยมเท่าที่ควร รสชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกในประเทศลิเบอเรีย และปัจจุบันประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงเราอย่างมาเลเซียก็ปลูกเป็น 95 % จากพื้นที่การปลูกกาแฟทั้งหมดเลยทีเดียว

3.กาแฟโรบัสต้า (Robusta)

กาแฟสายพันธุ์นี้ค่อยคุ้นขึ้นมาหน่อยใช่มั้ย? โรบัสต้าเป็นกาแฟสายพันธุ์หนึ่งที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้เพราะสามารถปลูกในไทยและให้ผลผลิตเป็นพืชเศษฐกิจอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่โรบัสต้านั้น จะปลูกในพื้นที่ภาคใต้ เช่น ชุมพร ระนอง ตรัง และจังหวัดอื่นๆในภาคใต้ เพราะภาคใต้เป็นพื้นที่ ที่เหมาะสำหรับสายพันธุ์นี้ รสชาติของกาแฟโรบัสต้านั้น จะเข้มไม่ค่อยติดเปรี้ยว Body แน่น และ มีประมาณคาเฟอีนสูงถึง 2-4.5% หากเป็นคอกาแฟมือใหม่ทานไปใจอาจจะสั่นกันเลยทีเดียว กาแฟโรบัสต้าจึงนิยมเอาไป Blend เป็นกาแฟ สำเร็จรูป มากกว่า

4.กาแฟอราบิก้า (Arabica)

มาถึงกาแฟอราบิก้า โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบสายพันธุ์นี้เป็นพิเศษด้วยกลิ่นที่หอม และรสชาติละมุนและระดับคาเฟอีนที่ไม่มากจนเกินไป อยู่ที่ 1.1-1.7 % ดื่มแล้วให้พอมีแรงฟื้นตื่นจากภวังค์มือไม้ไม่สั่นจนเกินไป และมีหลากหลายชนิดของเมล็ดให้เลือกอีกทั้งยังหาซื้อได้ง่าย ซึ่งสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมที่สุดทั่วโลกและบ้านเราก็ยังปลูกได้โดยพื้นที่ปลูกให้ได้ผลดีนั้นจะอยู่ในภาคเหนือของไทย เพราะอราบิก้าจะชอบที่มีอากาศเย็นและพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร ส่วนใหญ่ก็จะปลูกกันบนดอยสูง รสชาติก็ไม่ต้องพูดถึงถูกใจคอกาแฟบ้านเราเป็นอันดับต้นๆ จึงเป็นเป็นที่นิยมในการร้านกาแฟสด หรือ คาเฟ่ ต่างๆ

ข้อควรรู้ก่อนดื่มกาแฟ

ข้อควรรู้ก่อนจะดื่มกาแฟ

กาแฟจะมองว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพก็ได้หรือเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพก็ได้ โดยส่วนตัวผู้เขียนมองว่าถ้าเราทานกาแฟให้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น กาแฟดำ ก็อาจจะไม่มีผลเสียต่อร่างกายหรือมีก็น้อยมากเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ แต่ถ้าทานกาแฟแบบจัดเต็มทั้งนม น้ำตาล ครีมเทียม อันนี้ก็อาจจะเป็นผลเสียเพราะส่วนผสมอย่างอื่นจะทำให้เราอ้วนหรือเป็นโรคอื่นๆตามมา ซึ่งก่อนหน้าที่ผู้เขียนเริ่มทานกาแฟนั้นอย่างที่เคยเกริ่นว่าไม่สามารถทานได้เพราะมือสั่น ใจสั่น เวียนหัว สาเหตุเพราะไม่รู้ว่าสายพันธุ์ไหนมีคาเฟอีน มากน้อย เริ่มดื่มก็ซื้อกาแฟสำเร็จรูปมาก็ไปเจอ โรบัสต้า ที่Body แน่นหนัก เข้มเต็มไปด้วยคาเฟอีน มือใหม่หัดลองก็ขยาดไปเลย แต่ก็ด้วยความอยากลองผิดลองถูกก็ลองไปซื้อกาแฟสดซึ่งเค้าใช้ กาแฟอราบิก้า เลยเกิดข้อเปรียบเทียบว่าเราก็ทานได้นะไม่มีอาการอย่างที่เคยเป็น ก็เลยมาศึกษาหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร จนไปอ่านเจอเรื่องจำนวนคาเฟอีนของแต่ละสายพันธุ์และไปเจอด้วยว่าในกระบวนการขับสารคาเฟอีนออกจากร่างกายของคนแต่ละคนนั้นสามารถจัดการกับเจ้าคาเฟอีนได้แตกต่างกันตามพันธุ์กรรม ดังนั้นการดื่มกาแฟไม่ได้น่ากังวลเพียงแค่ทานให้เหมาะกับเราเท่านั้นเอง

ประโยชน์ของกาแฟ

กาแฟนั้นนอกจากจะช่วยแก้ง่วงแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างอื่นด้วยนะคะ เช่น

  • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • คาเฟอีนในกาแฟช่วยให้กระปรี้กระเปร่า กระตุ้นระบบประสาทให้เราสดชื่นขึ้น
  • กาแฟสามารถขับสารพิษออกจากร่างกาย เช่น การนำกาแฟมาช่วยดีท็อกลำไส้
  • กาแฟสามารถช่วยลดอาการตึงเครียดและบรรเทาอาการปวด เช่น อาการปวดไมเกรน

เมนูกาแฟยอดฮิต

1.Espresso (เอสเปรสโซ่)

เมนูนี้เป็นการสกัดกาแฟออกมาเป็นช็อตๆจากเครื่องชงกาแฟและไม่ผสมอย่างอื่นเลยซึ่งมักเป็นเมนูร้อน เราจะได้รสชาติแท้ๆของกาแฟ (โดยสากลจะเป็นแบบนี้) แต่ถ้าสั่งเอสเปรสโซ่เย็นที่เห็นกันทั่วไปก็จะมีเฉพาะในบ้านเราเท่านั้น ซึ่งถ้าเราสั่งเอสเปรสโซ่เย็น ก็จะเป็นกาแฟที่นำส่วนผสมต่างๆมาเพื่อขึ้นเพื่อความอร่อยเช่น นม น้ำตาล ครีมเทียม ซึ่งแล้วแต่สูตรของแต่ละร้าน

2.Latte (ลาเต้)

คือ กาแฟและผสมด้วยนมนี่แหละค่ะ นมจะช่วยให้รสชาตินุ่มละมุนขึ้น เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทานกาแฟค่ะ

3.Americano (อเมริกาโน่)

คือ กาแฟช็อตเอสเปรสโซ่นำมาเติมน้ำให้เจือจางความเข้มของช็อตเอสเปรสโซ่ บางคนอาจจะเรียกว่ากาแฟดำ โดยส่วนตัวของผู้เขียนคือเมนูโปรดและจะไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม แต่หากบางคนชอบหรือติดความหวานก็สามารถปรับเปลี่ยนได้

4.Cappuccino (คาปูชิโน)

หรือกาแฟฟองนม ถ้าจะสั่งเมนูนี้ให้นึกถึงกาแฟเข้มๆฟองนมนุ่มๆ คล้ายๆลาเต้แต่จะเข้มข้นกว่า

5.Macchiato (มัคคิอาโต้)

โดยส่วนตัวผู้เขียนเรียกมันว่ากาแฟขนมชั้น ลักษณะก็คือ ในแก้วจะแยกกาแฟกับนม และน้ำเชื่อมหรือบางร้านให้คาราเมล แบ่งออกเป็นชั้นๆ ส่วนผสมอย่างอื่นแต่ละร้านก็จะมีสูตรไม่เหมือนกันใครสายหวานก็ต้องมาทางมัคคิอาโต้ค่ะ

6.Mocca (มอคค่า)

คือ กาแฟผสมผงโกโก้หรือช็อกโกแลตค่ะ แถมด้วยฟองนมโรยด้วยผงช็อกโกแล็ตหอมนุ่มละมุนลิ้นเป็นเมนูโปรดของใครหลายคนๆ

“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดฮิต

เมนูกาแฟหลักๆส่วนใหญ่ก็จะมีประมาณนี้แต่หากใครอยากลองเมนูใหม่ที่เหล่าบาริสต้าสร้างสรรค์ขึ้นก็สามารถลองได้ตามร้านกาแฟต่างๆ โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้นมองว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างหนึ่ง หากเลือกดื่มแต่พอดีจะได้ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย เราควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกสิ่งที่ดีสำหรับสุขภาพของเรา เพราะอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ เพื่อความไม่ประมาทหากเรามีประกันสุขภาพดีๆไว้ให้อุ่นใจยามเจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องกังวลจนเกินไปค่ะ ประกันภัยสุขภาพ

บทความโดย Lady Homemade
ขอบคุณข้อมูลจาก