เลือกซื้อรถมือ 2

เคล็ดลับ กับการเลือกซื้อรถมือสอง ไม่ให้โดนย้อมแมว

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

รถยนต์คืออีกหนึ่งปัจจัยในการดำรงชีวิต

ในปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถยนต์ได้เป็นปัจจัยที่ห้าในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกและรวดเร็วขึ้น และการจะเลือกซื้อรถยนต์สักคัน ก็ต้องมาดูงบประมาณในกระเป๋ากันด้วยว่า จะซื้อรถใหม่หรือรถมือสองดี ถ้าหากจะเลือกซื้อรถมือสองก็ต้องคัดเลือกกันหน่อยเพื่อจะให้ได้รถที่ถูกใจ ถูกราคา และมีคุณภาพด้วย ซึ่งก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ

วันนี้น้องกันเองได้รวบรวมเทคนิคในการเลือกซื้อรถมือสองมาฝากกันค่ะ เราจะเลือกซื้อรถมือสองอย่างไรไม่ให้ถูกย้อมแมว ต้องตรวจสอบอะไรบ้างนั้นมาดูกันค่ะ แนะนำว่าอยากให้อ่านก่อนซื้อนะคะ[/vc_column_text][vc_single_image image=”312823″ img_size=”large” alignment=”center” image_hovers=”false”][vc_column_text]

ประเภทของรถยนต์มือสอง

ประเภทที่ 1 “รถบ้าน” หมายถึง รถที่เจ้าของใช้ขับเองและนำมาขายเอง อาจจะประกาศขายผ่านคนรู้จัก ผ่านอินเตอร์เน็ตหรือตามเว็บไซด์ต่างๆ

ประเภทที่ 2 “รถเต้นท์” หมายถึง รถที่มีการซื้อขายผ่านคนกลาง ไม่ได้ซื้อกับเจ้าของโดยตรง และเป็นธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองโดยเฉพาะ มีสถานที่ซื้อขายเป็นหลักแหล่ง

ซื้อรถยนต์มือสอง ต้องเช็กอะไรบ้าง

1.จำเป็นอย่างมากที่เราต้องตรวจสอบเครื่องยนต์

วิธีที่สังเกตได้ง่ายๆ เลยคือการลองสตาร์ทรถว่าเครื่องยนต์ติดง่ายหรือไม่ แผงหน้าปัดมีสัญลักษณ์ขึ้นฟ้องอะไรหรือไม่ ขณะทดลองขับรถ รถนิ่งเป็นปกติหรือเปล่า พวงมาลัยหมุนติดขัดไหม เกียร์เข้าได้สะดวกหรือเปล่า ตรวจสอบสมรรถนะเบรกเท้า เบรกมือ อัตราการเร่ง คลัตช์ ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ รวมถึง อุปกรณ์ที่จำเป็นจำพวกระบบไฟแสงสว่างไฟหน้า-ไฟหลัง ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน ไฟตัดหมอก ต้องทดสอบให้ติดทุกดวง แอร์รถยนต์เย็นตามปกติหรือไม่ ต้องไม่มีกลิ่นเหม็น ที่ปัดน้ำฝนใช้งานได้ปกติหรือไม่ ระบบไฟฟ้า ระบบเชื้อเพลิง

2.เปรียบเทียบอายุรถกับสภาพการใช้งานของรถยนต์

ว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ ดังนี้ ปีรถที่ซื้อมาตามที่ระบุในเล่มทะเบียน ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลยี่ห้อรถนั้นๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ สังเกตเลขไมล์หน้าปัดรถด้วย เช่น อายุรถ 10 ปี แต่เลขไมล์น้อยผิดปกติวิ่งมาแค่ 40,000 กิโลเมตร ก็แสดงว่าอาจมีอะไรไม่ชอบมาพากล ที่สำคัญควรสอบด้วยว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีการใช้งานในลักษณะไหน ใช้บรรทุก ใช้ให้เช่า หรือใช้เป็นส่วนบุคคล และหากไม่แน่ใจแนะนำว่าควรนำช่างผู้ชำนาญการไปด้วย เพื่อมาช่วยตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ดีกว่าได้รถที่โดนย้อมแมวมานะคะ

3.ตรวจสอบสภาพตัวถังรถยนต์

เช็คสนิม รอยยุบ รอยบุบ รอยถลอก บริเวณรอบรถ และตัวถังรถยนต์ด้านในทุกส่วนสีของรถยนต์ กระจกรอบด้านต้องไม่มีรอยแตกร้าวแต่อย่างใด สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้อย่างสะดวกไม่ฝืด ชิ้นส่วนต่างๆ มีความสมบูรณ์ไม่มีรอยร้าวหรือแตกหักใดๆ

4.ยางรถยนต์

แน่นอนว่ายางรถยนต์จะมีการเสื่อมสภาพตามระยะทางการใช้งาน แต่ก็ต้องตรวจสอบดูด้วยว่า ยางรถยนต์ที่ติดมานั้นยังมีคุณภาพอยู่หรือไม่ ไม่ใช่เอายางมือสองที่มีการสึกหรอมากมาใส่ให้แทน เช็คได้จากปีรุ่น ปีที่ผลิต ตรวจสอบความสึกหรอของยางรถยนต์ มีรอยรั่วหรือไม่ โดยมีวิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ ดังนี้

  • ให้มองไปตามแก้มยางในทิศทางตามเข็มนาฬิกา จะพบชุดอักษรและตัวเลขอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ซึ่งก็คือเลขรหัส 4 ตัวที่ระบุช่วงเวลาผลิต
  • รหัสจะเป็นไปตามรูปแบบ “WWYY” โดยเลข 2 ตัวแรกบอกว่าเป็นสัปดาห์ที่เท่าไหร่ และเลข 2 ตัวหลังคือ 2 หลักสุดท้ายของปี ค.ศ. ที่ผลิตยาง

5.เปิดฝากระโปรงรถยนต์

ให้ตรวจสอบแบตเตอรี่ ปริมาณน้ำกลั่น น้ำมันเครื่อง ว่ามีรอยรั่วซึมใดๆ หรือไม่ แนะนำว่าควรทดลองขับรถยนต์ด้วยก็จะดีกว่า เพื่อเช็คว่าขณะขับรถ มีการรั่วซึมหรือไม่

6.ตรวจสอบระบบท่อไอเสีย

มีรอยสนิม มีรอยไหม้ดำผิดปกติหรือไม่ ท่อไอเสียไม่ควรแตก และไม่ควรมีของเหลวรั่วซึม ออกมาจากท่อไอเสีย วิธีตรวจสอบท่อไอเสีย คือ

  • ฟังเสียง หากท่อไอเสียมีเสียงดังผิดปกติ อาจเป็นอาการของท่อไอเสียหลุดหลวม หรือแตกหักได้
  • เช็คด้วยตา หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติ โดยการยกรถด้วยแม่แรงเพื่อตรวจสอบท่อไอเสียด้วยตาเปล่า ว่ามีรูหรือมีสนิมเกาะเป็นจำนวนมากหรือไม่ หรือมีน้ำรั่วหรือเปล่า และให้ตรวจดูด้วยว่ามีน้ำหยดด้วยหรือไม่ หากมีการควบแน่นของน้ำเพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีน้ำรั่วไหลในหลายๆจุดนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าท่อไอเสียชำรุดอย่างชัดเจน

7.ราคารถยนต์

ควรมีการเปรียบเทียบราคารถยนต์มือสองจากหลายๆ เว็บไซต์ก่อน เพื่อจะได้ราคาที่เหมาะสม หรือราคากลางที่มีการประกาศขายกันโดยทั่วไป เพื่อจะได้ราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด

8.ตรวจสอบเอกสาร

ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เล่มทะเบียนรถ ทั้งของผู้ซื้อและผู้ขาย กรณีที่ไม่ได้ซื้อรถผ่านไฟแนนซ์ใดๆ ควรตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนจะได้ไม่มีปัญหาภายหลังจากที่มีการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว

9.ควรนำรถยนต์ไปตรวจสอบกับช่างผู้ชำนาญการอีกรอบ

เพื่อตรวจเช็กว่ารถยนต์พร้อมใช้งานได้เลย หรือจะต้องซ่อมจุดไหนก่อนบ้าง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เอง

10.วางแผนค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียให้ดี

ไม่ว่าจะซื้อเงินสดหรือผ่อนต่างมีค่าใช้จ่ายนอกจากราคารถ ไม่ว่าจะเป็นค่าโอนรถ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าประกันภัยรถยนต์(ส่วนนี้อาจขึ้นอยู่กับการตกลงหรือโปรโมชั่น) หรือเป็นรูปแบบการผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ก็มักจะมีเงินที่ต้องดาวน์ ค่างวดที่ต้องผ่อนชำระ ค่าธรรมเนียมในการจัดการเอกสาร รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยของรถยนต์มือสองที่สูงกว่าการซื้อรถใหม่ป้ายแดง[/vc_column_text][vc_single_image image=”312822″ img_size=”large” alignment=”center” image_hovers=”false”][vc_column_text]

อย่าลืมว่า!

1. การจะเลือกซื้อรถมือสองให้ได้สภาพดี ให้เหมาะสมกับราคาที่จะต้องจ่ายนั้น ต้องตรวจสอบให้แน่ใจทั้งสภาพรถยนต์ และผู้ขายด้วยว่ารถยนต์จดทะเบียนภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา ทางที่ดีหากจะซื้อรถยนต์มือสองสักคันควรพาช่างผู้ชำนาญการไปตรวจสอบสภาพรถก่อนจะดีกว่าเพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังกันนะคะ

2. ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ต้องใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์มือสอง เพื่อที่เราจะได้รถยนต์มาใช้งานได้สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรถยนต์มือสองก็ยังมีความเสี่ยงที่จะต้องมีการซ่อมแซมมากกว่ารถยนต์ใหม่ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจและยอมรับได้ว่าราคาที่ถูกกว่ารถมือหนึ่งนั้น ย่อมมีความเสี่ยงที่ มากกว่าที่รถจะใช้งานได้ไม่เต็มร้อยเหมือนรถใหม่ป้ายแดง ซึ่งคุณต้องเตรียมค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงส่วนนี้เอาไว้เผื่อด้วยนะคะ

ทั้งนี้ควรทำประกันรถยนต์ ติดรถไว้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุกันด้วยนะคะ” หากสนใจประกันรถยนต์ สามารถปรึกษาสอบถามน้องกันเองได้ตลอดเลยนะคะ น้องกันเองยินดีให้บริการค่ะ โทร.02-343-1000 facebook:: facbook/ProPrakan หรืออีกช่องทาง Line@proprakan นะคะ[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

Comments are closed.