การเรียกร้องสินไหมค่าขาดประโยชน์จากรถระหว่างซ่อม

การเรียกร้องขอสินไหมค่าขาดประโยชน์จากรถระหว่างซ่อม

รู้ไหมครับว่า? หากเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันทำให้รถเราได้รับความเสียหายจนต้องนำเข้าซ่อม และผลชี้ขาดว่าเราเป็นฝ่ายถูก ถ้าคู่กรณีของมีประกันภัยรถยนต์ เราสามารถเรียกร้องขอสินไหมค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันภัยของคู่กรณีได้  แต่หากคู่กรณีไม่มีประกันภัยรถยนต์ก็สามารถเรียกร้องจากตัวคู่กรณีได้โดยตรง หรือที่เราเรียกกันว่า “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีสิทธิประโยชน์นี้อยู่ด้วย บางครั้งทำให้เสียสิทธิตรงนี้ไป

วิธีการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจากบริษัทประกันภัยคู่กรณีจะมีขั้นตอนดังนี้

1. นำใบเคลมตัวจริงติดต่ออู่หรือศูนย์ซ่อมในเครือของบริษัทประกันภัย และควรถ่ายเอกสารสำเนาเก็บไว้ให้เห็นหมายเลขเคลมชัดเจน สถานที่ขณะออกใบเคลมของเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย วันที่ออกเอกสาร
2. แจ้งความจำนงต่อบริษัทประกันภัยของคู่กรณี ว่าจะขอเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถในระหว่างรอการจัดซ่อมรถ โดยส่วนใหญ่แล้วฝ่ายสินไหมจะไม่ได้แนะนำเราในข้อนี้ เราต้องสอบถามและแจ้งความจำนงด้วยตนเอง
3. รวบรวมรายละเอียดค่าใช้จ่าย ที่จะขอเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ โดยควรมีค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้
–  ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นเพราะขาดรถยนต์ใช้งาน  มีค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง? เมื่อไม่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้งาน เช่น ค่า taxi มาทำงานในแต่ละวัน วันละเท่าไหร่? รถซ่อมกี่วันก็เรียกร้องตามวันที่จัดซ่อม ค่ารถออกไปหาลูกค้าต่างจังหวัด เป็นต้น
รายได้ในแต่ละวันที่ขาดหายไป เพราะขาดรถยนต์ที่ใช้ประกอบอาชีพ เช่น เราใช้รถยนต์ในการขายอาหาร ทำงาน เป็นต้น
4. เก็บหลักฐาน ใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ (ถ้ามี) เพื่อเป็นหลักฐานในการทำเรื่องขอเบิกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
5. 
ให้เตรียมเอกสารดังนี้
5.1 เอกสารแจ้งความจำนงเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
5.2 สำเนาใบเคลม
5.3 สำเนาใบรับมอบรถคืน (จะได้รับหลังจากซ่อมรถเสร็จ) ระบุวันนำเข้าซ่อม – วันที่ออกจากอู่ อย่างชัดเจน
5.4 สำเนาใบขับขี่
5.5 สำเนาบัตรประชาชน
5.6 สำเนา bookbank กรณีบริษัทประกันภัยคู่กรณีโอนเงินคืนผ่านทางบัญชี
5.7 เอกสารหลักฐานอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเรามีความเดือดร้อนจากการที่ต้องนำรถเข้าซ่อม เช่น แผนที่แสดงการเดินทางไป-กลับ จากบ้านของเราไปที่ทำงาน พร้อมระยะทางรวมในแต่ละวัน, สำเนาบัตรพนักงานของที่ทำงาน เพื่อแสดงว่าคุณทำงานอยู่ตามที่แจ้งจริง เป็นต้น หรือเอกสารอื่นๆ ที่บริษัทประกันภัยคู่กรณีเรียกร้องเพิ่มเติมเพื่อเป็นหลักฐานในการเรียกร้อง
6. ติดต่อส่วนงานด้านสินไหมรถยนต์ของบริษัทประกันภัยรถคู่กรณี เพื่อส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องและดำเนินการเรียกร้อง ขอชื่อผู้ที่รับเรื่อง พร้อมเลขหมายรับเรื่องเพื่อเป็นหลักฐานเอาไว้ด้วย เผื่อต้องตามเรื่องกรณีล่าช้า และให้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าจะใช้เวลาในการดำเรื่องประมาณกี่วัน โดยปกติแล้วหากไม่ติดประเด็นใด ทางบริษัทประกันภัยคู่กรณีจะโอนเงิน หรือทำเช็คให้กับเรา หลังจากที่มีการเรียกร้องไปประมาณ 30 วัน (ไม่มีกำหนดตายตัวแล้วแต่กรณี และบริษัทประกันภัยนะครับเพราะอาจต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง)

การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ สามารถดำเนินเรื่องได้ทันทีหลังจากนำรถเข้าซ่อม เพราะทางอู่จะประเมินจำนวนวันซ่อมมาให้ทางเจ้าของรถยนต์ทราบแล้ว หรือจะให้ดำเนินเรื่องหลังจากรถยนต์ซ่อมเสร็จก่อนก็ได้ แต่ในระหว่างนั้นเราต้องเก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วนด้วย

บริษัทประกันภัยของคู่กรณีอาจจะจ่ายค่าสินไหมตามคำเรียกร้องของเรา หากเห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เรียกร้องไปนั้นเหมาะสมและสอดคล้องกับความเป็นจริง แต่หากเรียกร้องสูงเกินไป บริษัทประกันภัยก็สามารถต่อรองและปฏิเสธได้เช่นเดียวกันนะครับ

ทั้งนี้หากเราไม่พอใจยอดค่าสินไหมที่บริษัทประกันภัยของคู่กรณีอนุมัติมา และไม่สามารถตกลงกันได้ก็สามารถทำเรื่องเรียกร้องต่อ คปภ. ต่อได้ แต่จะต้องดำเนินการด้วยตนเองและอาจจะต้องเสียเวลาในการดำเนินเรื่อง ดังนั้นแนะนำให้ตกลงกันให้ได้กับบริษัทประกันของคู่กรณีจะดีที่สุดนะครับผม

Comments are closed.