ขนส่งฯระบุข้อมูลเรื่อง “23 พ.ร.บ.จราจรใหม่ ปรับหนักมาก” มีความคลาดเคลื่อน

แชร์มั่ว “23 พ.ร.บ.จราจรใหม่ ปรับหนักมาก” มีความคลาดเคลื่อน

ในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลเรื่อง “23 พ.ร.บ.จราจรใหม่ ปรับหนักมาก” ซึ่งมีการระบุความผิดทั้งเรื่องการแต่งหน้าและรับประทานอาหารบนรถจะโดนปรับ ซึ่งไม่เป็นความจริงและข้อมูลส่วนใหญ่คลาดเคลื่อน ขนส่งแนะให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนแชร์ข้อมูลทุกครั้ง

ประเด็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เรื่อง ความผิดกรณีแก้ไขดัดแปลงรถโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก แยกเป็น
1. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ประกอบด้วย
– รถที่มีการโหลดเตี้ยหรือยกสูงที่วัดความสูงของโคมไฟจากพื้นราบน้อยกว่า 40 เซนติเมตร หรือสูงเกิน 1.35 เมตร
– การเปลี่ยนท่อไอเสียที่มีระดับเสียงดังเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
– การติดไฟสปอร์ตไลท์ ติดไฟนีออนใต้ท้องรถหรือติดไว้กับแผ่นป้ายทะเบียน
– การปรับเปลี่ยนโคมไฟรถผิดไปจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งกำหนดให้โคมไฟแสงพุ่งไกล โคมไฟแสงพุ่งต่ำ (ไฟหน้า) ต้องมีแสงขาวหรือเหลืองอ่อน ไฟเลี้ยวต้องเป็นแสงสัญญาณกะพริบสีอำพัน ไฟหยุดต้องเป็นแสงแดง และไฟส่องป้ายทะเบียนต้องเป็นแสงขาวเท่านั้น

2. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ประกอบด้วย
– ความผิดเกี่ยวกับแผ่นป้ายทะเบียน ทั้งการไม่ติดแผ่นป้ายโดยวางไว้ที่กระจก ตัดต่ออัดกรอบใหม่ ติดป้ายเอียงหรือมีวัสดุปิดทับ
– เปลี่ยนแปลงสีรถโดยไม่แจ้งนายทะเบียน
– การถอดเบาะหลังออกเพื่อติดตั้งโรลบาร์
– ความผิดเกี่ยวกับการแก้ไขดัดแปลงซุ้มล้อหรือยางกว้างกว่าตัวถัง อาทิ การใส่ล้อยางเกินออกมานอกบังโคลน ใส่ล้อใหญ่จนแบะเพื่อหลบซุ้มหรือตีโป่งขยายซุ้มล้อ เป็นต้น

ส่วนการใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ส่วนการติดตั้งไฟตัดหมอกแม้ไม่เป็นความผิดตามกฎหมายแต่ต้องใช้ให้ถูกต้องและปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด

การขนส่งทางบกแนะนำเพิ่มเติมว่า เจ้าของรถทำการแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ ต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพก่อนนำไปใช้ โดยเฉพาะดัดแปลงแล้วมีผลต่อความมั่นคงขอตัวรถ หรือติดตั้งเพื่อให้รถใช้งานขนของได้มากขึ้น เช่น การเปลี่ยนสีรถ ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงกับนายทะเบียน หรือการเสริมแหนบเพื่อรองรับน้ำหนักที่มากขึ้น ต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกก่อนนำรถไปใช้งาน เนื่องจากการดัดแปลงเช่นนี้อาจก่อให้เกิดอันตรายและเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ข้อมูลและภาพจาก :: กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

Comments are closed.