ประกันกลุ่ม

มีประกันกลุ่มกับบริษัทอยู่แล้ว จำเป็นต้องมีประกันสุขภาพอีกไหม

รักษา ประกันกลุ่ม

     ตั้งแต่ช่วงโควิด19 ที่ผ่านมา หลายท่านให้ความสนใจทำประกันสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกันโควิด19 ที่ให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าตรวจโควิดของบุคคลในครอบครัว และได้รับเงินก้อนเมื่อตรวจพบโควิด19 อีกด้วย ฯลฯ นอกจากประกันโควิด19 แล้ว หลายท่านยังให้ความสนใจประกันสุขภาพแบบที่ให้ความคุ้มครองกรณีเจ็บไข้ได้ป่วย อุบัติเหตุและครอบคลุมการรักษาโควิด19 กันมากขึ้นด้วย แต่ด้วยค่าเบี้ยที่สูงตามช่วงอายุและรายละเอียดเยอะไปหมด ทำให้หลายคนเกิดคำถามขึ้นมามากมาย วันนี้น้องกันจะพาไปเรามาทำความรู้จักระหว่างประกันกลุ่มกับประกันสุขภาพส่วนบุคคลกันค่ะ   

ประกันกลุ่ม คือ

ประกันที่บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ทำให้กับพนักงาน โดยที่บริษัทหรือองค์กร เป็นผู้ถือกรมธรรม์ ถือเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งของพนักงาน โดยความคุ้มครองจะแบ่งเป็น 

  1. การประกันชีวิตกลุ่ม จะเป็นความคุ้มครองการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นในเวลางานหรือนอกเวลางาน โดยบริษัทจะจ่ายเงินให้กับผู้รับผลประโยชน์ตามทุนประกันที่ทำไว้
  2. การประกันอุบัติเหตุกลุ่ม จะให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ รวมถึงคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุ โดยบริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ตามทุนประกันที่ทำไว้
  3. การประกันทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงกลุ่ม ให้ความคุ้มครองจากการบาดเจ็บทางร่างกายอันเป็นผลโดยตรงจากอุบัติเหตุ รวมทั้งการสูญเสียมือ เท้า สายตา อย่างใดอย่างหนึ่งรวมกัน 2 ข้าง บริษัทฯ จะจ่ายเงินทดแทนให้ครั้งเดียว 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  4. การประกันสุขภาพแบบกลุ่ม ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันภัย จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา จากการบาดเจ็บ หรือ เจ็บป่วย ตามความจำเป็นทางการแพทย์ในฐานะผู้ป่วยในของโรงพยาบาล และ เข้ารับการรักษาตัวเป็นเวลาต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง

ข้อดีของประกันกลุ่ม 

  1. สามารถเลือกแผนประกันภัยกลุ่มให้กับลูกจ้างได้ เช่น ประกันสุขภาพกลุ่ม ประกันชีวิตกลุ่ม ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม
  2. ประกันภัยกลุ่มมีต้นทุนต่ำ แต่ลูกจ้างได้รับผลประโยชน์สูง เมื่อเทียบกับการทำประกันภัยรายบุคคล
  3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
  4. มีความอุ่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองจากแผนประกันกลุ่มที่ได้รับ เช่น ประกันสุขภาพกลุ่ม ประกันชีวิตกลุ่ม ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม
  5. ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีที่เจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่างๆ เนื่องจากมีบริษัทประกันภัยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ 

ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครองอย่างไร 

     ประกันสุขภาพจะให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาลอันเกิดจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ทั้งกรณีการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก โดยจะมีวงเงินความคุ้มครองจำกัดตามแผนที่เลือกทำ และสามารถเลือกความคุ้มครองเพิ่มเติมได้จากกรมธรรม์หลักหรือเลือกซื้อแพ็กเกจเสริมได้ เช่น การรักษาฟัน คลอดบุตร ฯลฯ เพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันจะมีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย โดยจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นตามจริงและไม่จำกัดวงเงินค่ารักษา จะช่วยให้เราอุ่นใจ สบายใจ หมดความกังวล ไม่ต้องหงุดหงิดกับค่ารักษาที่ไม่เพียงพออีกต่อไป (สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ประกันสุขภาพ)   

ข้อดีของประกันสุขภาพ  

มีความยืดหยุ่นสูง เนื่องจากประกันภัยสุขภาพแบบเหมาจ่ายไม่มีการแยกย่อยค่ารักษาพยาบาลเป็นหมวดหมู่ แต่จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามที่เกิดขึ้นจริงโดยไม่จำกัดวงเงิน ทำให้คุณได้รับความคุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในตามที่เกิดขึ้นจริง 

  1. ไม่ต้องจ่ายส่วนต่างแยกตามรายการหากไม่เกินวงเงินสูงสุดที่ได้ทำประกันไว้
  2. มีแผนความคุ้มครองไม่ซับซ้อน ทำให้เคลมได้ง่าย เพียงอยู่ในวงเงินความคุ้มครองเท่านั้น
  3. ให้วงเงินคุ้มครองสูง และมีรายการคุ้มครองหลายรายการมากกว่าแบบแยกค่ารักษา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย 

มีประกันกลุ่มแล้วต้องมีประกันสุขภาพไหม

คำถามนี้มักจะเกิดกับพนักงานบริษัทอย่างเราๆ ท่านๆ ทั่วไป ที่บริษัทมีประกันสุขภาพแบบกลุ่มให้อยู่แล้ว จำเป็นไหมที่ต้องไปเสียเงินหลักหมื่นเพื่อทำประกันสุขภาพอีก น้องกันเองอยากจะบอกเพื่อนๆ ทุกคนเลยว่า ไม่จำเป็นต้องทำประกันสุขภาพ ถ้าหาก 

  1. สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
  2. พอใจกับสวัสดิการค่ารักษาที่บริษัทมีให้
  3. รับได้กับการบริการและคุณภาพของยารักษาโรค
  4. เงินมากพอที่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองได้ 

จะเห็นว่าถ้าหากเราพอใจกับสิ่งที่กล่าวมา ประกันสุขภาพก็คงไม่จำเป็นสำหรับเพื่อนๆ ใช่มั้ยละคะ เรามาดูกันค่ะว่า ส่วนใหญ่แล้วประกันกลุ่มที่บริษัทมีให้ความคุ้มครองเป็นแบบกำหนดงบการรักษาต่อปี ไม่เกิน 20,000 บาท(บางบริษัทอาจจะมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทนั้นๆ) โดยส่วนใหญ่แล้วหากเราป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล ต้องใช้ประกันกลุ่มคู่กับประกันสังคม ทำให้มีข้อจำกัดในการรักษา เพราะถ้าหากเป็นเคสที่ไม่ฉุกเฉิน ผู้ป่วยต้องไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์ของประกันสังคมที่ตนมีอยู่ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนทั่วไป รวมทุกอย่างจะอยู่ที่ประมาณคืนละ 10,000 บาท นี่ขนาดเป็นการรักษาแบบโรคทั่วๆไป ที่ไม่ใช่โรคมะเร็ง(ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันโรคมะเร็ง ) หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ นะ จะเห็นได้ว่ามีข้อจำกัด และงบ ที่ไม่เพียงพอต่อการรักษาจริงๆ แต่ถ้าหากเพื่อนๆ ยังไม่แน่ใจกับสิ่งเหล่านี้ น้องกันอยากจะแนะนำให้หาซื้อประกันสุขภาพติดไว้เพิ่มเติมจะดีกว่าค่ะ เพราะการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ประกอบกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จะได้ไม่กระทบเงินเก็บของเราที่ไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินด้วยนะคะ เพื่อนๆ รู้มั้ยคะว่า เดี๋ยวนี้การทำประกันสุขภาพไม่ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ  ปัจจุบัน คปภ. เข้าใจลูกค้าที่อยากทำประกัน แต่รายละเอียดเยอะแยะไปหมด คปภ.จึงออกมาตรการการแสดงความคุ้มครองประกันสุขภาพให้เหมือนกันทุกบริษัท เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและเปรียบเทียบตารางความคุ้มครองของบริษัทต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ประกันสุขภาพมาตฐานใหม่ 

     น้องกัน ขอยกตัวอย่างค่าเบี้ยและความคุ้มครองสุขภาพ ดังนี้  ผู้เอาประกันอายุ 30 ปี ค่าเบี้ยประกัน 19,728  บาท ให้ความคุ้มครอง 10,000,000 ต่อปี   ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล 8,000 ต่อคืน ค่ารักษาจ่ายตามจริงทั้งหมด รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง  จะเห็นว่าปัจจุบันประกันสุขภาพนั้น รายละเอียดไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ผู้ที่สนใจทำประกันไม่ต้องปวดหัวกับข้อยกเว้นต่างๆ ด้วยค่ะ  สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะมีประกันสุขภาพหรือไม่มีก็ตาม การที่เราดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่ต้องใช้ประกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แค่นี้ก็ปลอดภัยจากโรคร้ายต่างๆ ได้แล้ว เรามาดูแลสุขภาพด้วยกันนะคะ